จำกันได้มั๊ย ว่าครั้งสุดท้ายที่คุณต้องหัวเสียกับข้อความ ที่คุณได้รับจากการแจ้งเตือนเป็นรอบที่ 53 ได้หรือไม่?
คุณได้ทำการแจ้งหรือยกเลิกการสมัครการรับข้อมูลนั้นไปมั๊ย หรือคุณอาจจะถอนการติดตั้งแอปนี้ออกไปเลย ถ้ามันรบกวบ!!
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อบริษัทต่างๆ ล้มเหลวในการใช้กลยุทธ์ ในการส่งข้อความถึงผู้ใช้ หากไม่มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสม กลยุทธ์ในการใช้แอปเพื่อการสื่อสารของคุณ ก็อาจมีแนวโน้มที่จะไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวังและดีไม่ดีถ้าถูกนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งที่เค้าสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าได้
ที่จริงแล้ว แก่นแท้ของแนวทางการตลาดแบบแบ่งกลุ่ม คือ เป็นเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า
การแบ่งกลุ่มผู้ใช้คืออะไร?
การแบ่งกลุ่มผู้ใช้เป็นกระบวนการแยกผู้ใช้ออกเป็นกลุ่มต่างๆ ที่แยกตาม คุณสมบัติหรือตามลักษณะ เพื่อกำหนดเป้าหมายของข้อความที่เป็นส่วนตัวและการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น ด้วยการแบ่งกลุ่มเป้าหมายนี้ คุณสามารถแบ่งฐานข้อมูลผู้ใช้ ออกเป็นกลุ่มขนาดเล็ก ตามแต่ละประเภท เช่น พฤติกรรมในแอป,ตำแหน่ง,ภาษา,การข้ามช่องและอื่นๆ ดังนั้นเราสามารถมองเห็นในมุมกว้างๆ หรือ ในมุมแคบได้และยังนำมาใช้เพื่อเพิ่มวัตถุประสงค์ที่หลากหลายของลูกค้าได้ตลอดการใช้ชีวิต
การแบ่งกลุ่มนี้ ยิ่งช่วยให้คุณเข้าถึงจุดหลักๆ ของข้อมูลที่มีจำนวนมากเกี่ยวกับผู้ใช้ และประมวลผลเป็นข้อมูลเชิงลึก รวมอยู่ในการติดตั้ง การรักษาผู้ใช้จาก LTV และ Conversion เพิ่มขึ้น
เหตุใด แอพมือถือของคุณจึงต้องมีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้?
การแบ่งสัดส่วนย่อมมีความสำคัญต่อการรับส่งข้อความของแอปบนอุปกกรณ์เคลื่อนที่ที่อยู่ในระดับสูง เซ็กเมนต์ ยังช่วยให้คุณจดจำและปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของข้อมูลต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากลับมาใช้งานแอปของคุณ ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล
แนวโน้มทางอุตสหกรรมเปิดเผยว่า ผู้บริโภคมักมีความความหวังและให้ความสนใจเพิ่มขึ้น กับประสบการณ์ของการใช้แอปที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละบุคคล และ บริษัทมือต่างๆ ให้ความสำคัญกับแคมเปญนี้มาก ผลการศึกษาพบว่า ข้อความลักษณะ Push แบบแบ่งกลุ่มตามสัดส่วน สามารถเพิ่มอัตราการเข้าถึงด้ 800% ทีเดียว
คู่แข่งของคุณคงทราบเรื่องนี้แล้ว!! ดังนั้นคุณจึงสามารถส่งมอบประสบการณ์ ในแอป การพุช และการข้ามแชแนล ให้เหมาะสมได้ดีขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะนำไปสู่ประสบการณ์ผู้ใช้ให้น่าพึงพอใจมากขึ้นและมันยังช่วยให้เพิ่มการรักษาลูกค้า ป้องกันการยกเลิก แถมยังรักษาความจงรักภักดี และเพิ่ม LTV นอกจากผลลัพธ์ทเหล่านี้แล้ว การแบ่งกลุ่มยังช่วยให้คุณสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้และปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณได้ตามต้องการ
การแบ่งกลุ่มมีวัตถุประสงค์หลายอย่างที่สามารถใช้ได้ตลอดช่วงอายุของลูกค้าเอง ตั้งแต่การมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ทั่วๆไป จนถึงผู้ใช้ที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสบการณ์จากผู้ใช้ไว้สำหรับเขียนรีวิว และอื่นๆ แม้แต่กลุ่มธรรมดาก็สามารถมองเห็นอัตราการเปิดข้อความ ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 50% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้แบ่งกลุ่ม
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถเพิ่มโอกาสในการแบ่งส่วนจากผู้ใช้ของคุณ ที่นี้เราจะมาดูกันว่ามีเกณฑ์อะไรบ้าง ที่คุณสามารถใช้กลยุทธ์ในการแบ่งกลุ่มลูกค้า
6 เกณฑ์ ที่เราจะใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายในการส่งข้อความผ่านแอปของคุณ
1. จำนวนผู้ชม
วิธีแรกของการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ควรสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆ ที่คุณรู้อยู่แล้วของผู้ชม และการให้คุณค่าในวิธีที่แตกต่างกัน เพื่อให้พวกเค้ามีรูปแบบในการสร้างรายได้ อีกสิ่งหนึ่งแนวทางควรสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาด และ เกี่ยวข้องกับการระบุกลุ่มตลาดที่ชัดเจน มันจะช่วยให้คุณค่าอย่างสูงสุดกับแอปของคุณ และการปรับแต่งการส่งข้อความได้เหมาะสมก่อให้เกิดรายได้
คำถาม แอปนี้คุณสร้างขึ้นเพื่อใคร การเริ่มต้นด้วยการระบุกลุ่มเป้าหมายหลักๆ ของคุณผ่าน การแบ่งส่วนและกลยุทธ์ คำถามที่สอง ใคร คือ ผู้ใช้ที่สำคัญของคุณ เช่น พวกเค้าชอบเนื้อหาอะไร และอะไรที่ทำให้เค้าสนใจจนต้องติดตามเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรพิจรณาในการเริ่มต้นการแบ่งส่วนที่ชัดเจน
2. คุณสมบัติผู้ใช้
วิธีพื้นฐานที่ดีที่สุด ในการสร้างกลุ่มคือ การจัดกลุ่มผู้ใช้ตาม attribute ทั่วไป การรวบรวมและใช้
ประโยชน์จากข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับผู้ใช้ของคุณ เช่น อายุ เพศ สถานที่ และ ภาษาอาจมี
ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลส่วนบุคคล
สมมติว่าแอปของคุณขายชุดออกกำลังกาย คุณจะตั้งกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้หญิงอายุ 13 ปีในแคลิฟอร์เนีย ด้วยข้อตกลงคือ รองเท้าแบบเดียวกับผู้ชายอายุ 50ปี ในไซบีเรีย จะเป็นไปได้รีเปล่า?
สำหรับ ข้อมูลที่มีประชากรเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของกิจกรรม ที่ยอดเยี่ยม สำหรับการสร้างกลุ่มและมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ตรงกับการความต้องการและเป้าหมายที่แตกต่างกันของผู้ชม
ตำแหน่ง จึงเป็นตัวอย่างของ attribute ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณสามารถนำมาใช้ปรับปรุงฟังก์ชันในการทำงานของแอปได้ ข้อมูลเป็นหัวใจหลักที่สำคัญที่มีประสิทธิภาพจากแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หลากหลายประเภท เช่น การเช่ารถ การจัดส่งอาหาร การเดินทางและสื่อ ด้วย segmentตามตำแหน่ง บริษัทมือถือสามารถนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ ตามแนวโน้มแต่ละภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น และ การอัปเดตตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย
Shake Shack เป็นเครือร้านอาหารแบบสบายๆ เช่น เค้าจะใช้วิธีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ตามตำแหน่ง โดยการระบุทิศทางแบบเรียลไทม์ เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ใช้ที่อยู่ใกล้เคียง ระแวกตามเมืองต่างๆ รวมถึงที่ตั้งของร้านเอง เพียงแค่กำหนดโปรโมชั่นและกิจกรรม รวมถึงระยะเวลาของกิจจกรรม ซึ่งจะช่วยให้บริษัท สามารถโปรโมทข้อเสนอในแต่ละท้องถิ่นในเวลาจำกัดได้ เช่น Mardi Gras King Cake Concrete พิเศษที่มีเฉพาะใน New Orleans Shake Shacks เป็นต้น
3. กิจกรรมแอพ
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถสร้างกลุ่ม ผ่านกิจกรรมในแอพได้ คุณแค่แจ้งประภท เวลา และเนื้อหาของข้อความเพื่อแนะกิจกรรมให้ลูกค้าทราบตลอดการเดินทาง
คุณแค่แบ่งกลุ่มผู้ใช้ตามกิจกรรม จะทำโดยจัดกลุ่มตามช่วงเวลาของ เซสชั่นแรกหรือครั้งสุดท้าย จำนวนครั้งของการเปิดเข้าแอป หรือ ระยะเวลาใช้ครั้งล่าสุด
การทำความเข้าใจว่า ผู้ใช้เข้าใช้แอปครั้งล่าสุดเมื่อใด และ ระยะเวลาประมานไหน คุณจะได้กำหนดเป้าหมาย ในแต่ละครั้งด้วยเนื้อหาที่เหมาะสม ตามกิจกรรม ครั้งต่อไป ที่จริงคุณสามารถตั้งค่าข้อความอัตโนมัติ เพื่อเป็นการดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้งาน มากกว่าหนึ่งสัปดาห์ให้กลับมาใช้อีกครั้ง เช่น เราอาจจะสร้างข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ใช้ทุกคนให้มีส่วนร่วมกับเราทุกวัน เช่น การสร้างสิ่งจูงใจเฉพาะเจาะจงลงไปหรือแม้กระทั่งคำพูดที่ให้กำลังใจ เพื่อดึงให้พวกเค้ากลับมา
ตัวอย่างเช่น แอปไวน์ลาตินอเมริการยอดนิยม Evino ส่งการแจ้งเตือนส่วนบุคคลสามถึงสี่รายการต่อสัปดาห์
4. ความสนใจ
เราจะพิจารณาจากการแบ่งกลุ่มตามความสนใจ กำหนดเป้าหมาย รวบรวมข้อมูล
กับสิ่งที่ผู้ใช้ ชอบหรือไม่ชอบ เพื่อเราจะได้ปรับแต่งเนื้อหา ตามความต้องการได้ตรงจุดประสงค์ได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งในแอปของคุณสามารถติดตามได้จาก หน้าจอ เนื้อหา หรือ ส่วนอื่นๆ ที่ผู้ใช้ของคุณมีส่วนร่วม
เช่น สมมติว่าคุณกำลังใช้งานจากแอปและต้องการส่งการแจ้งเตือนแบบพุชในช่วงเวลาที่ต้องการเผยแพร่เรื่องราวใหม่ๆ คุณยังสามารถเลือกสร้างกลุ่มที่มีผู้ใช้ให้ความสนใจแต่บทละความ เช่น การเงิน อื่นๆ อย่างน้อย4บทความ เป็นต้น เพื่อกำหนดเป้าหมายใหม่ด้วยหัวข้อล่าสุดจาก Wall Street
5. กิจกรรมการซื้อและการชำระเงิน
หากธุรกิจของคุณจะต้องติดตามกิจกรรมการซื้อและการชำระเงินจากผู้ใช้ สิ่งที่คุณต้องใช้
ในการติดตาม ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานในโมเดล แบบไหน เช่น ตามการสมัครการรับข้อมูล และ การซื้อในแอปหรือไม่
ถ้าคุณใช้งานรูปแบบการสมัครแบบใช้บริการ คุณแค่เข้าไปดูเป้าหมายของผู้ใช้ที่มีการชำระเงินหรือไม่ได้ชำระเงินเข้ามา นอกจากนี้ คุณยังสามารถดูได้แม้กระทั่ง ผู้ใช้ถึงกำหนดเวลาในการต่อสมาชิกหรือยัง
แต่ถ้าคุณเปิดใช้งานการซื้อในแอป คุณสามารถสร้างกลุ่มตามจำนวนการซื้อหรือประเภทผลิตภัณฑ์ที่เค้าเปิดดูบ่อยๆ และการดูในรถเข็นด้วยว่าพวกเค้าทิ้งรถเข็นไว้เฉยๆ รึเปล่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ จะเป็นตัวบ่งชี้และกระตุ้นให้เค้ามีส่วนร่วมอีกครั้ง
แอปมือถือJoe นี้ ซึ่งให้ทางร้านกาแฟใช้ มีวิธีรับคำสั่งซื้อและการชำระผ่านมือถือ เพื่อส่งการแจ้งเตือนหลักๆ ข้อความธุรกรรมและการตลาด โดยปรับแต่งตามแคมเปญตามข้อมูลการซื้อ ทางทีมงานมีการระบุตัวบ่งชี้ไว้ว่า พวกเค้าสังเกตเห็นว่าเมื่อผู้ใช้สั่งซื้อผ่านแอป Joe อย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์ พวกเขามีโอกาสน้อยมากที่จะเลิกผลิต และมีอัตราเพิ่มขึ้นอีกเมื่อผู้ใช้เติมเงินเข้าบัญชีแอป Joe เพื่อซื้อในอนาคตด้วยวิธีนี้ สามารถรักษาการแบ่งส่วนการขายโดยตรงและการรักษาฐานลูกค้าได้
6. เส้นทางในการใช้งาน
เซ๊กเมนต์ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างแผนที่ คือ เส้นทางการใช้งานของผู้ใช้ เมื่อคุณได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกผ่านการแบ่งกลุ่ม คุณจะเริ่มต้นวางเส้นทางของผู้ใช้ได้เหมาะสม ตามเป้าหมายที่พวกเค้าไปถึงได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณปรับขนาดธุรกิจของคุณเองการทำแผนที่เส้นทางของผู้ใช้ตามแต่กลยุทธ์ในการแบ่งกลุ่มนั้นที่ได้รับการปรับปรุงแล้วย่อมมีความสำคัญ